เตรียมตัวอย่างไรเมื่อมาโรงพยาล

    เตรียมตัวอย่างไรเมื่อมาโรงพยาล

    เมื่อ เอ่ยถึงโรงพยาบาล เชื่อว่าทุกคนต้องเคยสัมผัสมาแล้วทั้งสิ้นไม่มากก็น้อย คุณๆ ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าในวันหนึ่งๆ มีคนไข้มารับการตรวจรักษาจากแพทย์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโรงพยาบาลใหญ่ๆ บางคนมานั่งรอนอนรอกันตั้งแต่ตี 5 จนกระทั่งบ่ายก็ไม่ได้ตรวจแล้วนับประสาอะไรกับคนที่มาสาย เรียกว่าแทบจะไม่มีความหวังอยู่เลย แต่จะมีวิธีไหนล่ะ ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องเป็นแม่สายบัวแต่งตัวรอเก้อ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วไม่ได้ตรวจหรือรอนานจนเข็ดขยาดไม่อยากมาอีก

    สิ่ง แรกที่คุณควรคำนึงถึงและนำติดตัวมาด้วยทุกครั้ง คือ บัตรประชาชน เพราะบัตรประชาชนเปรียบเสมือนใบเบิกทางเพื่อนำไปทำบัตรคนไข้ที่ห้องบัตร คือ รายละเอียดประวัติต่างๆ จะต้องบันทึกไว้ที่ห้องบัตร เพื่อเป็นข้อมูลในการส่งคนไข้ไปรับการตรวจรักษาที่แผนกต่างๆ ของโรงพยาบาล และง่ายต่อการสืบค้นประวัติคนไข้ในกรณีที่มารับการตรวจรักษาในครั้งต่อไป

    นอกจากนี้หลักฐานที่ควรนำติดตัวมา คือ บัตรข้าราชการ ใบต่างด้าวในกรณีที่เป็นชาวต่างชาติ

    คน ไข้เก่าที่ต้องการแก้ไขทะเบียนประวัติ ในกรณีที่เพิ่งเปลี่ยนแปลงสถานภาพ เช่น แต่งงาน สิ่งที่จำเป็นต้องนำมาด้วยคือ ใบทะเบียนสมรสและสำเนาทะเบียนบ้าน เมื่อทำบัตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางแผนกห้องทำบัตรก็จะส่งต่อไปตรวจที่แผนกต่างๆ เฉพาะโรค โดยแบ่งคนไข้ออกเป็น 2 ประเภท คือ คนไข้เด็ก และคนไข้ผู้ใหญ่ สำหรับคนไข้เด็กทางห้องบัตรก็จะส่งไปที่แผนกเด็กโดยเฉพาะ

    ส่วนคนไข้ ผู้ใหญ่จะต้องผ่านการตรวจเพื่อวินิจฉัยแยกโรคเสียก่อน โดยแผนกห้องทำบัตรจะส่งคนไข้ที่มาทำบัตรใหม่ไปให้แพทย์ทั่วไปตรวจวินิจฉัย โรครวมทั้งตรวจรักษาด้วย แต่ถ้าพบว่าคนไข้มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง เช่น แพทย์ทางศัลยกรรม หรือแพทย์ทางอายุรกรรมโดยเฉพาะแล้ว แพทย์แผนกนี้จะส่งคนไข้ไปยังแผนกต่างๆตามสภาพของอาการที่เป็น

    ส่วนคน ไข้สตรีที่มีความต้องการจะตรวจรักษาโรคเกี่ยวกับโรคของสตรีโดยเฉพาะ ทางแผนกห้องบัตรก็จะส่งคนไข้ไปที่แผนกสูติ-นรีเวชโดยตรง สำหรับคนไข้เก่า และคนไข้ที่แพทย์นัดให้มาตรวจ ทางแผนกห้องบัตรก็จะส่งไปให้แพทย์เฉพาะทางโดยตรงเลย เมื่อตรวจวินิจฉัยโรคแล้วปรากฏว่า คุณต้องเข้ารับการผ่าตัด คุณจะเตรียมตัวอย่างไรให้การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี

    ในการเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการผ่าตัด มีอยู่ 2 กรณี คือ

    1. การเตรียมตัวเพื่อไปผ่าตัดชนิดให้ยาชาเฉพาะที่ ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ

    2. การผ่าตัดชนิดที่ให้ยาระงับความรู้สึก ในกรณีนี้คนไข้จะหมดความรู้สึก แต่ขณะเดียวกันก็ยังหายใจได้ ซึ่งวิสัญญีแพทย์จะให้การดูแลคนไข้ขณะที่ศัลยแพทย์ให้การผ่าตัด

    สำหรับขั้นตอนการเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการผ่าตัดนั้น มีดังนี้

    1. ก่อนที่แพทย์จะนัดคุณมาผ่าตัด แพทย์จะต้องให้คุณไปตรวจเลือดดูความพร้อมของร่างกาย และเอกซเรย์ก่อน

    2. แพทย์จะบอกให้คุณงดน้ำ งดอาหารมาล่วงหน้า การงดน้ำ งดอาหาร จะต้องงดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนวันที่ทำการผ่าตัด จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้คนไข้ปลอดภัย

    การงดน้ำงดอาหารมีความสำคัญมากต่อ ชีวิตคนไข้ เพราะว่าถ้ากระเพาะอาหารไม่ว่างแล้ว อาจมีการสำลักหรืออาเจียน ซึ่งเศษอาหารอาจจะเข้าไปอุดทางเดินหายใจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นคนไข้จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

    3. สิ่งที่ขาดเสียไม่ได้ คือ คุณต้องเตรียมเงินมาเพื่อเสียค่าผ่าตัด ค่ายา ค่าห้องพัก และอื่นๆ อีกจิปาถะ

    4. ญาติมีความสำคัญมาก คุณควรจะพาญาติมาด้วยเพื่อสะดวกในการดูแลขณะที่อยู่โรงพยาบาล และเพื่อที่จะนำคุณกลับไปบ้าน

    5. ใบเซ็นอนุญาตผ่าตัด ทางโรงพยาบาลจะกำหนดไว้ว่าผู้ที่บรรลุนิติภาวะอาจจะอายุประมาณ 15 ปี หรือ 20 ปี จึงถือว่า บรรลุนิติภาวะ ซึ่งก็แล้วแต่กฎของโรงพยาบาลแต่ละแห่งจะไม่เหมือนกัน คนไข้ที่บรรลุนิติภาวะสามารถเซ็นอนุญาตผ่าตัดให้กับตัวเองได้ ส่วนคนไข้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทางโรงพยาบาลก็จะให้ผู้ปกครอง ซึ่งอาจเป็นพ่อแม่ หรือญาติผู้ให้การดูแลอุปถัมป์เป็นผู้เซ็นอนุญาตให้

    6. ของมีค่าต่างๆ ควรจะเก็บไว้ที่บ้าน ไม่ควรนำมาฝากไว้ที่โรงพยาบาล คนไข้บางคนนำติดตัวมามากมาย ซึ่งเป็นภาระกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอย่างมากที่จะต้องคอยดูแลไม่ให้ข้าว ของของคนไข้สูญหาย

    7. ฟันปลอม คนไข้บางคนใส่ฟันปลอม เจ้าหน้าที่จะแนะนำว่า ควรถอดฟันปลอมทุกครั้งก่อนเข้าห้องผ่าตัด คุณควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพราะว่าบางครั้งเวลาที่คุณหลับฟันปลอมอาจจะ หลุด หรือไม่สะดวกที่แพทย์จะให้การรักษา

    8. ควรจะแจ้งให้แพทย์ทราบว่า คุณเคยแพ้ยาอะไรมาบ้าง เช่น ยาชา ยาต่างๆ ที่คุณเคยกินแล้วแพ้ และมีอาการอย่างไรบ้าง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง และเพื่อแพทย์จะได้ไม่ให้ยาชนิดนั้นซ้ำอีก ในกรณีที่ต้องให้การรักษาในครั้งต่อไป

    ก่อนที่คุณจะออกจากบ้านเพื่อมา รับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาล คุณควรคำนึงถึงบัตรประชาชน บัตรคนไข้ ใบนัดตรวจ และสิ่งต่างๆ ดังกล่าวมาแล้ว พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับคำแนะนำของแพทย์ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อผลดีแก่ตัวคุณเอง อ้อ! คุณควรมาให้ตรงตามเวลานัด โดยออกจากบ้านแต่เช้าๆ เผื่อมีปัญหาจะได้มีเวลาแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ได้ทันท่วงที

    • รับใบเกิดเด็ก 

    เวลารับ : 8.30-16.00 น. (เว้นวันหยุดราชการ)
    ผู้รับ : ต้องนำบัตรโรงพยาบาลของแม่เด็ก และบัตรประชาชนของผู้รับมาด้วย
    สถานที่รับ : หน่วยสูติบัตร

    • รับใบมรณบัตร

    เวลารับ : 8.30-16.00 น. (ไม่เว้นวันหยุด)
    ผู้รับ : ต้องนำบัตรประชาชน หรือทะเบียนบ้านของผู้ตายและบัตรประชาชนของผู้รับมาด้วย (พร้อมถ่ายเอกสาร 1 ชุด)
    สถานที่รับ : หน่วยมรณบัตร

    • รับศพ

    เวลารับ : 8.30-16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุด)
    ผู้รับ : ต้องนำใบมรณบัตรมาด้วย
    สถานที่รับ : ศพทั่วไปรับที่ตึกพยาธิวิทยา ศพคดีรับที่ตึกนิติเวชวิทยา

    • เวลาเยี่ยมผู้ป่วย

    ผู้ป่วยสามัญ
    วันเวลาราชการเยี่ยมได้เวลา 14.00-18.00 น.
    วันหยุดเยี่ยมได้เวลา 10.00-18.00 น.
    ผู้ป่วยพิเศษ
    เยี่ยมได้เวลา 10.00-20.00 น. (ทุกวัน)

     

    เมื่อจะมาตรวจร่างกาย

    • ก่อนตรวจ 

    1. ทำบัตรใหม่ ที่ตึกคนไข้นอก
    บัตรเก่า ต้องนำมาด้วยทุกครั้ง
    2. หลักฐานที่นำมาด้วย
    - บัตรประจำตัว หรือ
    - บัตรข้าราชการ หรือ
    - ใบต่างด้าว
    3. ระยะเวลาในการตรวจ
    - คนไข้ทั่วไปตรวจตั้งแต่ 7.00-12.00 น.
    - คนไข้หนักตรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง
    - คนไข้ได้รับอุบัติเหตุ ตรวจตลอด 24 ชั่วโมง (ที่ตึกอุบัติเหตุ)

    • หลังตรวจ

    การซื้อยา ซื้อยาได้ที่ห้องยาตึกคนไข้นอก
    ยากิน
    ก่อนอาหาร หมายถึง กินยาก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง
    หลังอาหาร หมายถึง กินยาหลังจากกินอาหาร 15 นาที
    ยาน้ำ ถ้าเป็นชนิดแขวนตะกอนควรเขย่าขวดก่อนกินยา
    ก่อนกินยาทุกครั้ง อ่านฉลากยาให้ละเอียดก่อน
    ข้อควรระวัง
    - ถ้ามีอาการผิดปกติหลังจากกินยาหรือแพ้ยาให้หยุดกินทันที
    - อย่าเก็บยาไว้นาน สังเกตถ้าลักษณะยาเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนสี ห้ามใช้

    • เบิกค่ายา ค่ารักษา

    1. คนไข้ที่มารับการตรวจรักษาแล้วกลับบ้าน นำใบเสร็จจากการซื้อยา ทำใบสรุปที่ตึกคนไข้นอก
    2. คนไข้ที่อยู่รักษาตัวในโรงพยาบาล ถ้าเป็นข้าราชการหรือลูกจ้างประจำ ต้องขอหลักฐานจากหน่วยงานของตัวเองมาให้ที่โรงพยาบาลด้วย เพื่อคิดค่ารักษาพยาบาลจากหน่วยงานที่สังกัดอยู่

    © Your Company. All Rights Reserved.

    Please publish modules in offcanvas position.

    Free Joomla templates by L.THEME